จังหวัดกระบี่ ขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และมอบโฉนดเพื่อการเกษตร

💥จังหวัดกระบี่ ขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และมอบโฉนดเพื่อการเกษตร

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568
เวลา 09.30 น.
ณ แปลงที่ดินที่ปิดป้าย (Kick off) บ้านห้วยโต้ หมู่ที่ 4 ตําบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
💥นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธาน เปิด “โครงการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” ซึ่งสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่จัดขึ้น ณ แปลงที่ดินที่ปิดป้าย (Kick off) บ้านห้วยโต้ หมู่ที่ 4 ตําบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่

💥เพื่อให้ผู้ครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินได้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน ตลอดจนการพิสูจน์สิทธิในที่ดินตามกฎหมายอื่น และดําเนินการนําที่ดินมาปฏิรูปที่ดินตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. จึงได้จัดกิจกรรมปิดป้ายประกาศแจ้งให้เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อให้ผู้ครอบครองที่ดินยื่นคำร้องแสดงสิทธิในที่ดินพร้อมกันทั่วประเทศทั้ง 28 จังหวัดในวันนี้

💥อันเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างจริงจังและปรับปรงพัฒนาสิทธิในที่ดินรัฐ พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้กับสังคมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทวงคืนที่ดินกลับเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อให้ได้ที่ดินในการนำไปจัดสรรให้กับเกษตรกรมีที่ดินทํากินต่อไป
💥สำหรับจังหวัดกระบี่เป็น 1 ใน 28 จังหวัด ที่มีพื้นที่เป้าหมายที่จะต้องดำเนินการ จำนวน 6 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 7,202ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่เป้าหมายในท้องที่อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ จํานวน 1 แปลง เนื้อที่ 904 ไร่ อําเภออ่าวลึก จํานวน 2 แปลง เนื้อที่ 3,045 ไร่ และอําเภอคลองท่อม จํานวน 3 แปลง เนื้อที่ 3,253 ไร่
💥สําหรับพื้นที่ ปิดประกาศพื้นที่ ที่ยังไม่เข้าสู่กระบวน การปฏิรูปที่ดินในวันนี้ อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าเขาพนมเบญจา (โซน E) เนื้อที่ประมาณ 904 ไร่ ทั้งอยู่หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 5 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่
💥ต่อจากนั้น นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานมอบโฉนดเพื่อการเกษตรให้แก่เกษตร กรในเขตปฏิรูปที่ดินท้องที่อําเภอเมืองกระบี่ จำนวน 50 ราย เนื้อที่รวม ประมาณ 631 ไร่ ณ ศาลาอเนกประสงค์บ้านห้วยโต้ หมู่ 4 ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นการจัดพิธีมอบพร้อมกันทั้ง 28 จังหวัด
💥โดยมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ณ จังหวัดราชบุรี มีการถ่ายทอดสัญญาณผ่านระบบออนไลน์ไปยังจังหวัดเป้าหมายด้วย
💥นายวินัย จะระนิล ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโนบายในการแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทํากินให้กับราษฎรกลุ่มเปราะบางด้านที่ดิน มุ่งเน้นให้ประ ชาชนมีที่ดินทํากินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูญเสียสิทธิในที่ดิน โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ( ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า) มอบนโยบายให้สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตรวจสอบการถือครองที่ดินและการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนและเร่งรัดการจัดหาที่ดินทํากินให้เกษตรกรเพื่อนําไปจัดสรรและกระจายการถือครองให้กับเกษตรกรอย่างแท้จริง ในการสร้างและขยายโอกาสให้กับประชาชนผู้เป็นเกษตรกรให้ได้รับประโยชน์จากการใช้ที่ดิน สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)
💥จึงดําเนินโครงการปรับปรุงหนังสืออนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็น “โฉนดเพื่อการเกษตร” เพื่อสร้างมูลค่าในที่ดิน และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเริ่มดําเนินการในปีงบประมาณ 2567 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป้าหมาย จํานวน 17 ล้านไร่ ในส่วนของจังหวัดกระบี่ มีเป้าหมายเปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร จํานวน 453,132 ไร่ ดําเนินการไปแล้ว จํานวน 140,969 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 31
💥นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า “โครงการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ครอบครองในเขตปฏิรูปที่ดินที่ไม่ยินยอมเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและมอบโฉนดเพื่อการเกษตร นโยบายดังกล่าว จะเป็นการยึดที่ดินกลับคืนมาจัดที่ดินให้เกษตรได้มีที่ดินทํากินเป็นของตนเองในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทําให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการเปลี่ยน ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรเป็นการสร้างมูลค่าในที่ดิน ทําให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
💥นายขวัญชิต คงเรือง ผู้ที่ได้รับโฉนดเพื่อการเกษตร กล่าวว่า ตนมีที่ดินที่ได้รับโฉนด จำนวน 12 ไร่ เป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อ ซึ่งได้ครอบครองและทำกินมานานเกือบ 40 ปีแล้ว ได้ปลูกยางพารา การที่ได้รับโฉนดเพื่อการเกษตรทำให้มีความมั่นคงในการครอบครองที่ดินและสิทธิการทำกิน รู้สึกดีใจมาก จึงอยากให้คนอื่น ๆ ที่ครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพราะจะได้มีโอกาสที่ดีกว่า
💥เช่นเดียวกับนายเชวง ประทุมมาศ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและสบายใจมากที่สุดที่ได้โฉนดเพื่อการเกษตรมาเป็นขอตัวเอง เพราะตนรอคอยมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตนปลูกปาล์มจนต้นสูงตัดผลปาล์มไม่ถึงแล้ว ตอนนี้ตนอายุ 81 ปีแล้ว หลังจากที่ได้โฉนดมาก็จะไปหาทุนมาลงทุนปลูกปาล์มใหม่ต่อไป