Guest Relation

NEWS

Published on มีนาคม 23rd, 2014 | by Divali

0

BANPU สรุปผลปีนี้ซื้อโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ถ่านหิน

BANPU คาดสรุปผลเจรจาซื้อโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าถ่านหิน ภายในปีนี้ พร้อทศักยภาพกู้เงินได้อีกกว่า 600-700 ล้านดอลล์ ยันมีเงินสด กำไรสะสมเพียงพอจ่ายปันผลได้ทุกปี

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.บ้านปู (BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสรุปการเจรจาเข้าซื้อกิจการหรือลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อย่างน้อย 1 แห่ง และโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกอย่างน้อย 1 แห่งภายในปีนี้ โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ที่มีศักยภาพจะกู้เงินเพิ่มได้อีก 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายใต้นโยบายรักษาอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน(D/E)ไม่เกิน 1.1 เท่า จากสิ้นปี 56 อยู่ที่ 1.07 เท่า

ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวอยู่นอกเหนือจากงบลงทุนตามแผนงานเดิมในปีนี้จำนวน 358 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะใช้ในการขยายเหมืองและท่าเรือในอินโดนีเซีย รวมถึงลงทุนในบริษัทโฮลดิ้งในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเพื่อเน้นการทำธุรกิจเทรดดิ้งถ่านหินมากขึ้น และจ่ายส่วนทุนในโครงการหงสา 85 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีกระแสเงินสดกว่า 400 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไรสะสมค่อนข้างมากที่เพียงพอจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สม่ำเสมอทุกปี

“เรายังมี Room จากระดับหนี้น่าจะกู้ได้อีก 600-700 ล้านเหรียญ ที่จะใช้ในกิจการไฟฟ้าในช่วง 2-3 ปีนี้”นายชนินท์กล่าว

นายชนินท์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ในธุรกิจไฟฟ้าให้มีสัดส่วนมูลค่ากิจการ(Enterprise Value)ของธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มมาเป็น 35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% ในช่วง 2-3 ปีนี้หรือภายในปี 59 เพราะบริษัทต้องการเน้นกระแสเงินสดในช่วงที่ราคาถ่านหินยังไม่ฟื้นตัวหรือค่อยๆทยอยฟื้นตัว ขณะเดี่ยวกันของเป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดี และยอมรับความเสี่ยงได้

ในปีนี้จึงมีแผนเข้าซื้อกิจการหรือเข้าร่วมทุนในกิจการโรงไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน และพลังงานทดแทน โดยโรงไฟฟ้าถ่านหินที่สนใจเข้าลงทุน ได้แก่ จีน ซึ่งกำลังศึกษาจะขยายการผลิตจากโรงไฟฟ้าเดิมที่ลั่วหนานที่บริษัทมีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่แล้ว 100 กว่าเมกะวัตต์ โดยบริษัทถือหุ้น 100% ทั้งนี้คาดจะมีกำลังติดตั้ง 300 เมกะวัตต์ขึ้นไป และประเมินว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เดินเครื่องอยู่แล้วในฟิลิปปินส์ ที่มี 2 โรงๆละ 400-500 เมกะวัตต์ รวมทั้งการเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม อินโดนีเซีย ซึ่งมีความต้องการสูงจากเศรษฐกิจที่เติบโตสูงและมีประชากรจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน บริษัทสนใจจะเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้งในประเทศ รวมไปถึงจีนและญี่ปุ่น โดยในจีนอยู่ระหว่างความชัดเจนค่าไฟฟ้า ซึ่งลงทุนโซลาร์ฟาร์มในจีนใช้เงินไม่มาก และใช้เวลาสร้างเพียง 1 ปีครึ่งก็สามารถเดินเครื่องได้ ประกอบกับแผงโซลาร์ราคาไม่สูง ส่วนในญี่ปุ่น จุดน่าสนใจอยู่ที่ค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับสูงราว 6-7 บาท/ยูนิต ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมด้วย

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU ระบุว่า ในช่วงปี 55-56 เป็นช่วงที่บริษัทตั้งรับกับสถานการณ์ราคาถ่านหินตกต่ำ แต่ในปี 57-59 บริษัทจะเริ่มลงทุนและขยายสัดส่วนพอร์ตสินทรัพย์ให้ดีขึ้น เพื่อบริหารให้บริษัทสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ โดยพยายามเข้าไปลดต้นทุนการผลิตถ่านหินให้ดีขึ้นทั้งในอินโดนีเซียและออสเตรเลีย โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายลดต้นทุนการผลิตลงอีก 5% ในอินโดนีเซีย และ 4%ในออสเตรเลีย จึงคาดว่าในไตรมาส 1/57 การผลิตและการขายจะออกมาค่อนข้างดี

“เราพยายามให้ทุกจุดมีความชัดเจนมากขึ้น จากปีที่แล้วเราเข้าใจและมองว่าใน 2-3 ปีนี้เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร เราก็มองภาพ 2-3 ปีว่าเราควรลงทุนอะไรเพิ่มขึ้น นั่นก็คือกิจการไฟฟ้า ที่การลงทุนเราเข้าใจความเสี่ยง จึงคิดว่าระยะสั้นมุ่งไปที่กิจการไฟฟ้าก่อนเพื่อสร้างกระแสเงินสด อาจจะไม่ใช่ปีนี้ หรืออาจจะเข้ามาในปีนี้”นายชนินท์กล่าว

สำหรับการดำเนินดังกล่าวเพื่อสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทในระหว่างรอโรงไฟฟ้าหงสาในสปป.ลาว สร้างเสร็จและเริ่มจ่ายไฟ (COD) ยูนิตแรก 600 เมกะวัตต์ในกลางปี 58 และอีก 2 ยูนิตรวม 1,200 เมกะวัตต์ในไตรมาสแรก และกลางปี 59 โดยจะรับรู้เต็มปีพร้อมกันทั้ง 3 ยูนิตในปี 60

ข้อมูล : MONEY CHANNEL วันจันทร์, 17 มีนาคม 2557 10:49

Tags:


About the Author



Comments are closed.

Back to Top ↑