Local news

Published on กรกฎาคม 30th, 2025 | by Divali

0

เมื่อความเห็นใจมาพร้อมการจัดการ: กระบวนการคุ้มครองผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนในไทย

ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนเป็นประเด็นทางสังคมที่ซับซ้อน ซึ่งต้องการความเข้าใจและการจัดการอย่างเป็นระบบ ประเทศไทยได้ตระหนักถึงปัญหานี้และมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการให้ความคุ้มครองดูแล โดยอาศัยพระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. 2551 เป็นหลักสำคัญ ภาพรวมของกระบวนการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐและภาคประชาชนในการดูแลกลุ่มเปราะบางนี้ให้เข้าถึงสิทธิในการรักษาและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี

จากจุดเริ่มต้นสู่การดูแล: ขั้นตอนที่ 1 และ 2

ทุกกระบวนการเริ่มต้นจากการ “พบเห็น” ผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ซึ่งอาจเป็นบุคคลทั่วไปที่พบเห็นตามพื้นที่สาธารณะ เมื่อพบเห็นแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ “แจ้งเหตุ” ช่องทางการแจ้งมีหลากหลายเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์แจ้งสายด่วน 191 (แจ้งเหตุฉุกเฉิน) หรือ 1669 (แจ้งเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์) นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งผ่านหน่วยงานในท้องถิ่น เช่น พนักงานฝ่ายปกครอง (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน) หรือแจ้งกับบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาล (แพทย์ พยาบาล) รวมถึงตำรวจและกู้ภัย ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการประสานงานเบื้องต้น

การคัดกรองและการวินิจฉัย: หัวใจของการคุ้มครอง

เมื่อมีการแจ้งเหตุ หน่วยงานที่รับแจ้งจะส่งตัวผู้ที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอหรือจังหวัด เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการภายใน 48 ชั่วโมง โดยกระบวนการนี้ต้องดำเนินการโดยแพทย์อย่างน้อย 1 คน และพยาบาลอย่างน้อย 1 คน เพื่อให้แน่ใจว่าการวินิจฉัยมีความถูกต้องและเป็นไปตามหลักวิชาชีพ

สองเส้นทางที่แตกต่าง: ขึ้นอยู่กับผลวินิจฉัย

หลังจากผ่านการวินิจฉัย ผลลัพธ์จะนำไปสู่สองแนวทางหลักที่แตกต่างกัน:

  • กรณีที่ 1: “คนเร่ร่อนมีอาการจิตเวช” หากผลวินิจฉัยยืนยันว่าบุคคลนั้นมีอาการทางจิตเวช จะเข้าสู่กระบวนการ “รับการรักษาในโรงพยาบาลประจำอำเภอ/จังหวัด” ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานของผู้ป่วย เมื่ออาการทุเลาลงจะมีการพิจารณาแนวทางต่อไป:
    • มีญาติ: หากสามารถติดต่อญาติได้ จะมีการ “ส่งกลับคืนสู่ครอบครัว” เพื่อให้ได้รับการดูแลและฟื้นฟูในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย
    • ไม่มีญาติ: ในกรณีที่ไม่มีญาติหรือไม่สามารถติดต่อได้ หากแพทย์ประเมินว่ามีแนวโน้มที่จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้ตามปกติ ก็จะมีการ “ส่งต่อหน่วยงาน พม.” (ศูนย์คุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ สถานสงเคราะห์) เพื่อให้ได้รับการดูแล ฟื้นฟู และช่วยเหลือในการปรับตัวเข้าสู่สังคมต่อไป
  • กรณีที่ 2: “คนเร่ร่อนไม่มีอาการจิตเวช” หากผลวินิจฉัยระบุว่าบุคคลนั้นไม่มีอาการทางจิตเวชหรือไม่ได้ป่วยทางจิตเวช จะมีการ “ส่งต่อหน่วยงาน พม.” เพื่อให้ได้รับการดูแลในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น ศูนย์คุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือ สถานสงเคราะห์ ซึ่งเป็นบทบาทของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการให้ความช่วยเหลือทางสังคมแก่ผู้ด้อยโอกาส

ความร่วมมือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กระบวนการทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง รวมถึงหน่วยงานด้านสังคมสงเคราะห์ การประสานงานและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการสร้างหลักประกันว่าผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนจะได้รับการดูแลที่เหมาะสม ได้รับการฟื้นฟู และมีโอกาสกลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพ การดำเนินการตาม พ.ร.บ. สุขภาพจิต พ.ศ. 2551 จึงเป็นเสมือนหัวใจสำคัญในการสร้างสังคมที่คำนึงถึงศักดิ์ศรีและสิทธิของผู้ป่วยจิตเวชทุกคน

Please follow and like us:
Pin Share


About the Author



Comments are closed.

Back to Top ↑