สธ.กระบี่ เตือนผู้ปกครองระวังเด็กจมน้ำและได้รับบาดเจ็บจากการเล่นพลุ วันลอยกระทง

แนะผู้ปกครองดูแลบุตรหลายอย่างใกล้ชิด

นายแพทย์ไพศาล เกื้ออรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ในวันลอยกระทงจะมีข่าวคนจมน้ำเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการเล่นดอกไม้ไฟ ประทัด และพลุสีต่าง ๆ ด้วย บางรายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะ เช่น กระดูกนิ้วมือแตกละเอียดแพทย์ต้องตัดทิ้ง บางรายถูกสะเก็ดพลุดอกไม้ไฟเข้าที่ตาและ รอบ ๆ ดวงตา เยื่อตา ตาบอด พิการ หรือถึงขั้นเสียชีวิตเป็นประจำทุกปี

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ เปิดเผยต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เพราะจะมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทั้งจากพฤติกรรมส่วนตัวและสภาพแวดล้อม

จากสถิติใน 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2545-2554) พบว่าการจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กไทย (อายุต่ำกว่า 15 ปี) โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 1,352 คน และในวันลอยกระทงเด็กก็จะมีความเสี่ยงต่อการตกน้ำ กว่าในช่วงวันปกติ เนื่องจากต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และจากการที่มีผู้คนเดินเบียดเสียดกันจำนวนมาก อาจทำให้พลัดตกลงไปในน้ำได้ง่าย

จึงขอเตือนประชาชนที่จะพาบุตรหลานไปลอยกระทงให้เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น หากเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ควรดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำและเล่นดอกไม้ไฟ ประทัด และพลุสีต่าง ๆ ตามลำพัง และควรเพิ่มความระมัดระวังในการไปลอยกระทงเพราะเสี่ยงต่อการจมน้ำและได้รับบาดเจ็บจากการละเล่นต่าง ๆ ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิตได้ สำหรับกลุ่มเด็กที่ยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้เมื่อตกน้ำ จึงขอแนะนำวิธีการปฏิบัติ ดังนี้

1.ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เมื่อเด็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำ
2.เด็กเล็กอายุ 3-5 ปี เด็กต้องอยู่ในระยะที่มองเห็นและเข้าถึงทันเวลา
3.ไม่ปล่อยให้เด็กลงไปเก็บกระทงหรือเก็บเงินในกระทงที่ลอยในอย่างเด็ดขาด
4.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดพื้นที่ที่ชัดเจนสำหรับการลอยกระทง และจะต้องทำสิ่งกั้นขวางเพื่อป้องกันเด็กตกในน้ำ และควรมีผู้ดูแลพร้อมทั้งเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือที่หาได้ง่ายไว้ในบริเวณดังกล่าว
5.ผู้จัดการพาหนะทางน้ำ ต้องเตรียมชูชีพสำหรับผู้โดยสารให้พร้อมทุกคน เรือโดยสาร ไม่รับผู้โดยสารเกินที่กฎหมายกำหนด เพื่อไปลอยกระทงกลางแม่น้ำ
6.หากพบคนตกน้ำ ควรช่วยเหลือ ดังนี้

1) การช่วยคนตกน้ำขึ้นมาจากน้ำ ต้องรู้วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง และห้ามกระโดดลงไปช่วยอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้ถูกกอดรัดและจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน จึงควรมีวิธีการช่วยดังนี้ “ตะโกน โยน ยื่น” ได้แก่ ตะโกน : เรียกให้คนมาช่วยและโทร 1669 โยน : หาอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวสำหรับโยนไปช่วยคนตกน้ำ เช่น ขวดน้ำพลาสติกเปล่า ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า อุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ (โยนพร้อมกันครั้งละหลายๆ ชิ้น) ยื่น : หาอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวยื่นให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ กิ่งไม้

2) หากช่วยคนตกน้ำขึ้นมาจากน้ำแล้ว ถ้าผู้ป่วยยังรู้สติดีและหายใจได้ดี ให้ผู้ป่วยนอนราบกับพื้น เช็ดตัวให้แห้งและให้ความอบอุ่น ถ้าผู้ป่วยรู้สึกตัว แต่ไอและอาเจียนให้ผู้ป่วยนอนตะแคงคว่ำ เพื่อให้อาเจียนและเสมหะไหลออกได้ง่าย เช็ดตัวให้แห้งและให้ความอบอุ่น แต่หากผู้ป่วยหมดสติ ไม่หายใจ และไม่กระดุกกระดิกเลย หรือคลำชีพจรไม่ได้ ให้ช่วยฟื้นคืนชีพโดยการเป่าปากติดต่อกันหลายๆ ครั้งและนวดหัวใจ โดยการกดที่บริเวณกลางหน้าอก ลึกประมาณ 1-1.5 นิ้ว ความถี่ 100 ครั้งต่อนาที

พบเห็นผู้บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินทุกกรณี ขอให้โทรศัพท์แจ้งหมายเลข 1669 ฟรีทุกระบบ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการรักษาต่อไป

CR. ภาพจาก อินเตอร์เน็ต

Please follow and like us: