กฟผ. ลงนามความร่วมมือกับหอการค้าไทย (หกท.) จัดทำโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน
กฟผ. ลงนามความร่วมมือกับหอการค้าไทย (หกท.) จัดทำโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ผลักดันการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคารภาคธุรกิจอุตสาหกรรม โดย กฟผ. ศึกษาการดำเนินงานในรูปแบบบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) เพื่อนำร่องเปลี่ยนอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 พร้อมส่งเสริมการจำหน่ายหลอด LED เบอร์ 5 ในราคาพิเศษให้กับกลุ่มสมาชิก คาดเกิดองค์กรธุรกิจลดใช้พลังงานตัวอย่างภายในกลางปี 2558
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2558 นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. ลงนามความร่วมมือโครงการเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน กับ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการพลังงานและพลังงานทดแทน หอการค้าไทย โดยมี นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการกิจการสังคม กฟผ. และ นายสมศักดิ์ วิวัฒนชาติ รองประธานคณะกรรมการการพลังงานและพลังงานทดแทน หอการค้าไทย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม และมีผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ผู้บริหาร กฟผ. ผู้บริหารหอการค้าไทย และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานงานเดินหน้าผลักดันธุรกิจไทย ลดใช้พลังงาน กล่าวว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศในแต่ละปีมีอัตราเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว กระทรวงพลังงาน จึงได้กำหนดนโยบายในการบริหารจัดการด้านพลังงานของประเทศ ด้วยการจัดหาแหล่งพลังงานให้เพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน ควบคู่กับการส่งเสริมและผลักดันการอนุรักษ์พลังงานอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน และพัฒนาพลังงานที่สะอาด พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงในอาคารสถานที่ต่าง ๆ ให้เกิดการใช้พลังงานที่ประหยัดและลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า รวมถึงสร้างจิตสำนึกของผู้บริโภคในการใช้พลังงาน ซึ่งโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ที่ กฟผ. ร่วมกับหอการค้าไทย ดำเนินการนี้ นับเป็นโครงการหนึ่งที่สนับสนุนกระทรวงพลังงาน ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์พลังงานที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อน อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญที่แสดงถึงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่จะช่วยกันเดินหน้าพัฒนาประเทศ จากการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด
นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวถึงการดำเนินงานว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ดำเนินโครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า เพื่อรณรงค์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนเกิดจิตสำนึกในคุณค่าของพลังงาน ซึ่งจนถึงปัจจุบัน สามารถลดปริมาณกำลังไฟฟ้าในระบบลงกว่า 3,600 เมกะวัตต์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 12.7 ล้านตัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดการลดใช้พลังงานอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานถึงร้อยละ 44 ของประเทศ กฟผ. จึงประสานงานไปยังหอการค้าไทย ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน ในการจัดทำโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน เพื่อรณรงค์ให้เกิดการลดใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน และสร้างแนวร่วมในการแก้ไขปัญหาพลังงานของประเทศ โดยมีแนวทางการดำเนินงาน อาทิ การศึกษาแนวทางการดำเนินงานในรูปแบบบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ด้วยการศึกษาความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้อยู่เดิม เป็นอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงเบอร์ 5 อาทิ หลอด LED หรือเครื่องปรับอากาศ โดยหอการค้าไทยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างในการดำเนินงานนำร่อง และ กฟผ. ประสานงานการจัดหาบริษัทจัดการพลังงาน ที่สามารถรับประกัน และมีกระบวนการตรวจวัดและพิสูจน์ผลความประหยัดได้อย่างชัดเจน
“นอกจากนี้ กฟผ. จะดำเนินการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายหลอด LED เบอร์ 5 ในราคาพิเศษให้กับกลุ่มสมาชิกหอการค้าไทย ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ” ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าว
ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการพลังงานและพลังงานทดแทน หอการค้าไทย กล่าวถึงความร่วมมือว่า หอการค้าไทย ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมงานด้านการอนุรักษ์พลังงานของประเทศตลอดมา ดังนั้น จึงพร้อมขานรับนโยบายของกระทรวงพลังงาน และ กฟผ. ในการดำเนินโครงการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน นี้ โดยจะร่วมมือกับ กฟผ. กำหนดแผนมาตรการประหยัดพลังงาน และเชิญชวนให้สมาชิกในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ที่เป็นเครือข่ายเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงดำเนินการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงนำร่อง โดยมี กฟผ. ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และความคุ้มค่าในการลงทุน
“โครงการนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบกิจการภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมทั้งหลาย สามารถลดการใช้พลังงาน และประหยัดค่าไฟฟ้าในแต่ละปี คิดเป็นมูลค่ามหาศาล ส่งผลให้เกิดการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนของประเทศรวมทั้งช่วยชาติลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน” นายสนั่น อังอุบลกุล กล่าว
ภาพและข่าว : www.egat.co.th