กฟผ. ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3
กฟผ. ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 ที่ประชุมเห็นชอบให้พัฒนาในพื้นที่สายส่งเดิม โดยไม่ขยายแนวเขตเดินสายไฟฟ้า คาดแล้วเสร็จภายในปี 2562 ส่งไฟฟ้าเข้าภูเก็ตได้ 2,000 
เมกะวัตต์
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2558 นายวิชัย สิมะธัมนันท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการก่อสร้างระบบส่ง (ชพสก.) พร้อมด้วยนายวรพจน์ อินทร์ทอง ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการภาคใต้ (อปต.)นายสมบัติ ทรัพย์ทวีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างระบบส่ง (อกส.) นายสุรพงษ์ รังสีสมบัติศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายที่ดิน (อทด.) พร้อมผู้เกี่ยวข้อง เข้าประชุมร่วมกับนายนิสิต จันทร์สมวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อทำความเข้าใจและสรุปแนวทางการดำเนินงานระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 โดยมีหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมการประชุม
นายวิชัย สิมะธัมนันท์ ชพสก. เปิดเผยว่า กฟผ. และประชาชนมีความเห็นร่วมกันในการดำเนินงานระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 จากจังหวัดพังงามายังจังหวัดภูเก็ตว่า กฟผ. จะก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าดังกล่าวในแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 115 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3โดยจะก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าชั่วคราว 230 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3 เพื่อเสริมระบบความต้องการใช้ไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ตให้แล้วเสร็จภายใน ปี 2559 จากนั้นจะรื้อสายส่ง 115 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3 และก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 เพื่อให้ทันต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในจังหวัดภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 แล้ว กฟผ. ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มแรงดัน หม้อแปลงไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ตเพิ่มเติมอีกด้วย
ในขั้นตอนต่อไป กฟผ. จะดำเนินการด้านการออกแบบวิศวกรรมระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เหมาะสมกับการก่อสร้างในแนวสายส่งไฟฟ้า 115 กิโลโวลต์ เดิม และเร่งชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เขตเดินสายไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย ซึ่งการก่อสร้างระบบโครงข่ายไฟฟ้าดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนเพิ่มขึ้น เนื่องจาก กฟผ. ไม่ขยายเขตเดินสายไฟฟ้าเพิ่มเติม แต่ในระหว่างงานก่อสร้างและใช้งานสายส่งไฟฟ้าชั่วคราว 230 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3 กฟผ. อาจต้องดูแลไม่ให้มีต้นไม้ในเขตเดินสายไฟฟ้าชั่วคราว โดยจ่ายค่าทดแทนให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการตัดต้นไม้ในเขตเดินสายไฟฟ้าชั่วคราว เนื่องจากหากเกิดพายุฝนฟ้าคะนองอาจส่งผลให้ต้นไม้ล้มพาดสายไฟฟ้าก่อให้เกิดไฟฟ้าดับในจังหวัดภูเก็ตได้
สำหรับกรณีการก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงใต้ดินในจังหวัดภูเก็ตนั้น ชพสก. เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้าใต้ดินสูงกว่าระบบส่งไฟฟ้าแบบเดิมถึง 30-40 เท่า ซึ่ง กฟผ. จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจไม่ทันต่อความจำเป็นในการตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กฟผ. ขอรับข้อเสนอแนะไปศึกษาความเหมาะสมเพิ่มเติมต่อไป
www.egat.co.th
ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงถึง 390 เมกะวัตต์ ซึ่งใกล้กับขีดจำกัดที่สายส่งไฟฟ้าแรงสูงทั้ง 2 สาย เดิมของ กฟผ. ได้แก่ สายส่ง 115 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3 และสายส่งไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ พังงา 2 – ภูเก็ต 3 จะจ่ายได้ จำนวน 455 เมกะวัตต์ “กฟผ. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักด้านการส่งกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการจึงวางแผนพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า รวมถึงตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของจังหวัดภูเก็ตในระยะยาว ทั้งนี้ คาดว่าเมื่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ สุราษฎร์ธานี 2 – ภูเก็ต 3 แล้วเสร็จในปี 2562 จะสามารถส่งไฟฟ้ามายังจังหวัดภูเก็ตได้กว่า 2,000 เมกะวัตต์” นายวิชัย สิมะธัมนันท์ กล่าว จากนั้น ชพสก. และคณะ ได้เข้าสำรวจพื้นที่ตั้งเสาไฟฟ้าช่วงข้ามทะเลจากจังหวัดพังงามายังจังหวัดภูเก็ต พร้อมหารือเรื่องความเหมาะสมด้านการปรับแนวสายส่งไฟฟ้ากับเจ้าของที่ดิน เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่น้อยที่สุด
Related Posts
อนุญาโตตุลาการให้ฟิลลิป มอริส แพ้คดีภาพคำเตือน 80% →
ประชามติที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 เพื่อการ ตั้งแต่เวลา 08.00 16.00 น →
” ซองบุหรี่แบบเรียบ ลดภับเงียบ ลดโรค “ →
